วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556



เนื้อหา บทที่ 15
การเขียนร้อยกรอง



ร้อยกรอง คือ คาประพันธ์ที่แต่งขึ้นอย่างสละสลวย มีความไพเราะและมีข้อบังคับในการแต่งเรียกว่า “ฉันทลักษณ์”

คาประพันธ์หรือร้อยกรองมีหลายประเภท เช่น โคลง กลอน กาพย์ ฉันท์ และร่าย

กวีนิพนธ์หรือร้อยกรอง(Poetry) คือรูปแบบทางศิลปะที่มนุษย์ใช้ภาษาเพื่อคุณประโยชน์ด้านสุนทรียะซึ่งเพิ่มเติมจากเนื้อหาทางความหมายงานด้านกวีนิพนธ์นั้นหลักๆประกอบด้วยงานวรรณกรรมที่มีการใช้ภาษาในวิธีที่ทั้งผู้ใช้และผู้รับฟังรู้สึกแตกต่างจากการเขียนแบบร้อยแก้ว

ผลงานที่จัดเป็นกวีนิพนธ์เรียกว่าบทกวีส่วนผู้ที่สร้างสรรค์ผลงานดังกล่าวเรียกว่ากวี

ฉันทลักษณ์คือรูปแบบการบังคับในการแต่งบทร้อยกรองซึ่งมีการคิดขึ้นมากมายโดยอาศัยโครงสร้างของคาและจังหวะในการออกเสียงให้เป็นกลุ่มของคาในรูปแบบที่ต่างกันทาให้เกิดเป็นฉันทลักษณ์ที่แตกต่างกัน



ประเภทร้อยกรอง

ร้อยกรองมี๕ประเภทใหญ่ๆคือ

๑ โคลงได้แก่โคลงสี่สุภาพโคลงดั้น

๒ ฉันท์ได้แก่วสันตดิลกฉันท์อินทรวิเชียรฉันท์

๓ กาพย์ได้แก่กาพย์ยานี๑๑กาพย์ฉบัง

๔ กลอนได้แก่กลอนสุภาพกลอนสักวา

๕ ร่ายได้แก่ร่ายยาวร่ายโบราณ

นอกจากนี้ยังมีการนาคาร้อยกรองบางประเภทมาแต่งรวมกันเช่น

ร่าย+ โคลงเรียกว่าลิลิต

โคลง+ กาพย์เรียกว่ากาพย์ห่อโคลง

กาพย์+ ฉันท์เรียกว่าคาฉันท์

แนวการเขียนบทร้อยกรอง

1. ศึกษาฉันทลักษณ์ของคาประพันธ์นั้นๆให้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง

2. คิดหรือจินตนาการว่าจะเขียนเรื่องอะไรสร้างภาพให้เกิดขึ้นในห้วงความคิด

3. ลาดับภาพหรือลาดับข้อความให้เป็นไปอย่างสมเหตุสมผล

4. ถ่ายทอดความรู้สึกหรือจินตนาการนั้นเป็นบทร้อยกรอง

5. เลือกใช้คาที่สื่อความหมายได้ชัดเจนทาให้ผู้อ่านเกิดภาพพจน์และจินตนาการร่วมกับผู้ประพันธ์

6. พยายามเลือกใช้คาที่ไพเราะเช่นคิดใช้ว่าถวิล

7. แต่งให้ถูกต้องตามฉันทลักษณ์ของคาประพันธ์

ลักษณะบังคับในการแต่งบทร้อยกรอง

๑ คณะเป็นข้อกาหนดเรื่องจานวนคาวรรคบาทบทรวมถึงการกาหนดคาเอกคาโทคาครุคาลหุที่บังคับตามฉันทลักษณ์สาหรับบทร้อยกรองทุกประเภทเช่น



กาพย์ยานี๑๑กาหนดไว้ว่า๑บาทมี๑๑คา

กลอนสุภาพกาหนดไว้ว่า๑บาทมี๗-๙คา

๒ คาสัมผัสคือการเขียนคาให้คล้องจองเมื่ออ่านแล้วทาให้เกิดความไพเราะซึ่งเป็นสิ่งสาคัญที่สุดในการเขียนร้อยกรองคาสัมผัสมี๒ชนิด

ก สัมผัสนอกหรือสัมผัสบังคับคือการสัมผัสเสียงสระระหว่างวรรคซึ่งจะกาหนดไว้ตายตัวสาหรับร้อยกรองแต่ละชนิดจะขาดไม่ได้ถือว่าผิดฉันทลักษณ์นอกจากนี้ยังมีสัมผัสระหว่างบทเมื่อเขียนบทร้อยกรองมากกว่า๑บทจะต้องมีคาส่งสัมผัสในบทต่อไป


จงรักนวลสงวนงามห้ามใจไว้อย่าหลงใหลจ่าค่าที่พร่่าสอน

คิดถึงหน้าบิดาแลมารดรอย่ารีบร้อนเร็วนักมักไม่ดี

เมื่อสุกงอมหอมหวนจึงควรหล่นอยู่กับต้นอย่าให้พรากไปจากที่

อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดีเมื่อบุญมีคงจะมาอย่าปรารมภ์
ข สัมผัสในคือการสัมผัสระหว่างคาในแต่ละวรรคจะมีหรือไม่มีก็ได้ถ้ามีก็จะทาให้ร้อยกรองมีความไพเราะยิ่งขึ้นสัมผัสในมี๒ชนิดคือ

สัมผัสสระคือคาที่มีเสียงสระเดียวกันและมีตัวสะกดอยู่มาตราเดียวกันเช่น

เป็นมนุษย์สุดนิยมเพียงลมปากจะได้ยากโหยหิวเพราะชิวหา

สัมผัสอักษรคือคาที่มีเสียงพยัญชนะต้นเหมือนหรือคล้ายกันเช่น



พระโหยหวนครวญเพลงวังเวงจิตให้ชวนคิดถึงถิ่นถวิลหวัง

๓ คาเอกโทเป็นลักษณะบังคับในการแต่งโคลง



คาเอกคือคาที่มีรูปวรรณยุกต์เอกกากับเช่นนี่พี่

คาโทคือคาที่มีรูปวรรณยุกต์โทกากับเช่นห้าน้า

๔ คาครุคาลหุเป็นลักษณะบังคับในการแต่งฉันท์

คาครุ(ใช้สัญลักษณ์ั) คือคาที่ประสมเสียงสระยาวในแม่กกาและคาที่ประสมด้วยสระเสียงสั้นและเสียงยาวที่มีตัวสะกดรวมทั้งอาไอใอเอา

คาลหุ(ใช้สัญลักษณ์ุ) คือคาที่ประสมสระเสียงสั้นในแม่กกาซึ่งไม่มีตัวสะกดและคาที่ใช้พยัญชนะเดียวเช่นบ่ก็ณธ



๕คาเป็นคาตาย

คาเป็นหมายถึงคาที่ประสมด้วยสระเสียงยาวในแม่กการวมทั้งอาไอใอเอาและคาที่มีตัวสะกดในแม่กงกนกมเกยเกอว

คาตายหมายถึงคาที่ประสมด้วยสระเสียงสั้นในแม่กการวมทั้งคาที่มีตัวสะกดในแม่กกกดกบ

๖เสียงวรรณยุกต์เป็นลักษณะบังคับในการแต่งกลอนและกาพย์บางชนิดได้แก่เสียงสามัญเอกโทตรีจัตวา

๗พยางค์หมายถึงเสียงที่เปล่งออกมาครั้งหนึ่งๆใช้ในการแต่งร้อยกรองประเภทฉันท์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น